อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร
| |
เทศนาคำไทยให้เป็นทาน
|
โดยตำนานศุภอรรถสวัสดี
|
สำหรับคนเจือจิตจริตเขลา
|
ด้วยมัวเมาโมห์มากในซากผี
|
ต้องหาม้ามโนมัยใหญ่ยาวรี
|
สำหรับขี่เป็นม้าอาชาไนย
|
ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า
|
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย
|
เราก็จิตดูเล่าเขาก็ใจ
|
รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ
|
ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ
|
ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ
|
สิบดีก็ไม่ถึงกับกึ่งพาล
|
เป็นชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย
|
รักสั้นนั้นให้รู้อยู่เพียงสั้น
|
รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย
|
มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย
|
แหงนดูฟ้าอย่าให้อายเทวดา
|
อย่าดูถูกบุญกรรมว่าทำน้อย
|
น้ำตาลย้อยหยดเท่าไรได้หนักหนา
|
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
|
ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน
|
เห็นตอหลักปักขวางหนทางอยู่
|
พิเคราะห์ดูควรทึ้งแล้วจึงถอน
|
เห็นเต็มตาแล้วอย่าอยากทำปากบอน
|
ตรองเสียก่อนแล้วจึงทำกรรมทั้งมวล
|
ค่อยดำเนินตามไต่ผู้ไปหน้า
|
ใจความว่าผู้มีคุณอย่าหุนหวน
|
เอาหลังตากแดดเป็นนิจคิดคำนวณ
|
รู้ถี่ถ้วนจึงสบายเมื่อปลายมือ
|
เพชรอย่างดีมีค่าราคายิ่ง
|
ส่งให้ลิงจะรู้ค่าราคาหรือ
|
ต่อผู้ดีมีปัญญาจึงหารือ
|
ให้เขาลือเสียว่าชายนี้ขายเพชร
|
ของสิ่งใดเจ้าว่างามต้องตามเจ้า
|
ใครใดเล่าจะไม่งามตามเสด็จ
|
จำไว้ทุกสิ่งจริงหรือเท็จ
|
พริกไทยเม็ดนิดเดียวเดี๋ยวก็ร้อน
|
เกิดเป็นคนเชิงดูให้รู้เท่า
|
ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน
|
อยากใช้เขาเราต้องก้มประนมกร
|
ใครเลยห่อนจะว่าตัวเป็นวัวมอ
|
เป็นบ้าจี้นิยมชมว่าเอก
|
คนโหยกเหยกรักษายากลำบากหมอ
|
อันยศศักดิ์มิใช่เหล้าเมาแต่พอ
|
ถ้าเขายอเหมือนอย่างเกาให้เราคัน
|
บ้างโลดเล่นเต้นรำทำเป็นเจ้า
|
เป็นไรเขาไม่จับผิดคิดดูขัน
|
ผีมันหลอกช่างผีตามทีมัน
|
คนเหมือนกันหลอกกันเองกลัวเกรงนัก
|
สูงอย่าให้สูงกว่าฐานนานไปล้ม
|
จะเรียนคมเรียนไปเถิดอย่าเปิดฝัก
|
คนสามขามีปัญญาหาไว้ทัก
|
ที่ไหนหลักแหลมคำจงจำเอา
|
เดินตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด
|
ไปพูดขัดเขาทำไมขัดใจเขา
|
ใครทำตึงแล้วหย่อนผ่อนลงเอา
|
นักเลงเก่าเขาไม่หาญพาลนักเลง
|
เป็นผู้หญิงแม่หม้ายที่ไร้ผัว
|
ชายมักยั่วทำเลียบเทียบข่มเหง
|
ไฟไหม้ยังไม่เหมือนคนที่จนเอง
|
ทำอวดเบ่งกับขื่อคาว่ากระไร
|
อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก
|
ไปมาผลักย่อยเข้าเสายังไหว
|
จงฟังหูไว้หูคอยดูไป
|
เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ
|
หญิงเรียกแม่ชายเรียกพ่อยอไว้ใช้
|
มันชอบใจข้างปลอบไม่ชอบดุ
|
ที่ปิดที่ชิดไขให้ทะลุ
|
คนจักษุเหล่หลิ่วไพล่พลิ้วพลิก
|
เอาปลาหมอเป็นครูดูปลาหมอ
|
บนบกหนออุตส่าห์เสือกกระเดือกกระดิก
|
เขาย่อมว่าฆ่าควายเสียดายพริก
|
รักหยอกหยิกยับทั้งตัวอย่ากลัวเล็บ
|
มิใช่เนื้อเอาเป็นเนื้อก็เหลือปล้ำ
|
แต่หนามคำเข้าสักนิดกรีดยังเจ็บ
|
อันโลภลาภบาปหนาตัณหาเย็บ
|
เมียรู้เก็บผัวรู้กำพาจำเริญ
|
ถึงรู้จริงจำไว้อย่าไขรู้
|
เต็มที่ครู่เดียวเท่านั้นเขาสรรเสริญ
|
ไม่ควรก้ำเกินหน้าก็อย่าเกิน
|
อย่าเพลิดเพลินคนชังนักคนรักน้อย
|
วาสนาไม่คู่เคียงเถียงเขายาก
|
ถึงมีปากมีเสียเปล่าเหมือนเต่าหอย
|
ผีเรือนตัวไม่ดีผีอื่นพลอย
|
พูดพล่อย ๆ ไม่ดีปากขี้ริ้ว
|
แต่ไม้ไผ่อันหนึ่งตันอันหนึ่งแขวะ
|
สีแหยะแหยะตอกตะบันเป็นควันฉิว
|
ช้างถีบอย่าว่าเล่นกระเด็นปลิว
|
แรงหรือหิวชั่งใจดูจะสู้ช้าง
|
ล้องูเห่าก็ได้ใจกล้ากล้า
|
แต่ว่าอย่ายักเยื้องเข้าเบื้องหาง
|
ต้องว่องไวในทำนองคล่องท่าทาง
|
ตบหัวผางเดียวม้วนจึงควรล้อ
|
ถึงเพื่อนฝูงที่ชอบพอขอกันได้
|
ถ้าแม้ให้ทุกคนกลัวคนขอ
|
พ่อแม่เลี้ยงปิดปกเป็นกกกอ
|
จนแล้วหนอเหมือนเปรตด้วยเหตุจน
|
ถึงบุญมีไม่ประกอบชอบไม่ได้
|
ต้องอาศัยคิดดีจึงมีผล
|
บุญหาไม่แล้วอย่าได้ทะนงตน
|
ปุถุชนรักกับชังไม่ยั่งยืน
|
อิศรญาณภาษิต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น